พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ.2535 ซึ่งถือเป็นกฎหมายแม่บทในการจัดการสิ่งแวดล้อมของไทย ได้รับเอาหลักการทางเศรษฐศาสตร์ทางด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมตามปฏิญญาริโอและแผนปฏิบัติการ 21 อาทิ หลักผู้ก่อมลพิษต้องจ่าย (Polluter Pays Principle) และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการรักษาสิ่งแวดล้อมมาบัญญัติไว้ นอกจากนี้ลักษณะเด่นที่สำคัญของ พ.ร.บ. ฉบับนี้[1] อาทิเช่น
- การเปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดการสิ่งแวดล้อมมากขึ้น มาตรา 6 บัญญัติให้บุคคลอาจมีสิทธิในการที่จะได้รับทราบข้อมูลข่าวสารจากทางราชการในเรื่องที่เกี่ยวกับการส่งเสริมรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การได้รับการชดใช้ค่าเสียหายหรือค่าทดแทนจากรัฐ ในกรณีที่ได้รับความเสียหายที่เกิดจากมลพิษที่มีสาเหตุมาจากกิจกรรมหรือโครงการของรัฐ
- การรับรองฐานะขององค์กรเอกชนทางด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะทำให้สามารถรับความช่วยเหลือจากราชการในกิจกรรมต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการรักษาสิ่งแวดล้อมได้
- การจัดตั้งกองทุนสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเพื่อสนับสนุนช่วยเหลือและให้กู้ยืมในการจัดให้มีระบบบำบัดอากาศและน้ำเสีย และในการดำเนินกิจการต่างๆที่เกี่ยวกับการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
- การยกฐานะของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ จากองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ให้คำปรึกษา มาเป็นคณะกรรมการระดับชาติ ทำหน้าที่ดังเช่น การกำหนดมาตรฐานคุณภาพสิ่งแวดล้อม การให้ความเห็นต่อแผนการจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อม ฯลฯ
นอกจากนั้น ยังมีพระราชบัญญัติที่สำคัญต่อการจัดการสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติอีกอย่างน้อย 4 ฉบับ ได้แก่ (1) พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535 (2) พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535 (3) พ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ศ.2535 และ (4) พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535
กฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมอื่นๆของประเทศไทยในประเด็นด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมแต่ละประเภท มีลักษณะกระจายตัวแยกออกเป็นกฎหมายฉบับต่างๆ และมีหน่วยงานที่รับผิดชอบแตกต่างกันไป อาทิเช่น
- กฎหมายด้านการควบคุมมลพิษทางน้ำ ได้แก่
- พ.ร.บ. การชลประทานหลวง พ.ศ. 2548
- พ.ร.บ. การประมง พ.ศ. 2490
- พ.ร.บ. การเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2535
- พ.ร.บ. สาธารณสุข พ.ศ. 2535
- พ.ร.บ. รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535
- กฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 33 (พ.ศ. 2535) ออกตามความใน พ.ร.บ. ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522
- พ.ร.บ. แร่ พ.ศ. 2510
- พ.ร.บ. โรงงาน พ.ศ. 2535 ฯลฯ
- กฎหมายระดับรองและกฎหมายเฉพาะอื่นๆ
กฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมในระดับท้องถิ่น (Local environmental legislation) แต่เดิมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีบทบาทในด้านสิ่งแวดล้อมในการดูแลเรื่องการจัดการขยะมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลรวมถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมในชุมชนเป็นหลัก แต่ตั้งแต่ภายหลังรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา ภายใต้กระบวนการกระจายอำนาจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดการสิ่งแวดล้อมมีบทบาทมากขึ้นในแง่การจัดการ การบำรุงรักษาและการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ท้องถิ่นของตนด้วย[2]
[1] สรุปจาก กอบกุล รายะนาคร (2540) “กฎหมายสิ่งแวดล้อมของไทย” รายงานทีดีอาร์ไอฉบับที่ 19 เดือนตุลาคม 2540 สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย.
[2] ใน วรัญญู เสนาสุ (2556). “การกระจายอำนาจกับการจัดการสิ่งแวดล้อมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น” , ชุดหนังสือ การสำรวจองค์ความรู้เพื่อการปฏิรูปประเทศไทย, กรุงเทพฯ : เป็นไท.