นายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรี ให้เข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านอาชญากรรมข้ามชาติ ครั้งที่ 10 (10th ASEAN Ministerial Meeting on Transnational Crime – 10th AMMTC) ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ระหว่างวันที่ 28 กันยายน -2 ตุลาคม 2558 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยมีนาย Ahmad Zahid Hamidi รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมาเลเซียเป็นประธานในพิธี ซึ่งภายหลังการประชุมดังกล่าว ที่ประชุมได้อนุมัติและลงนามในแถลงการณ์กัวลาลัมเปอร์เกี่ยวกับการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติและการวางแผนการปฏิบัติอาเซียนเกี่ยวกับการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติรูปแบบใหม่

การประชุมระดับรัฐมนตรีด้านอาชญากรรมข้ามชาติ จัดขึ้นเป็นประจำทุก 2 ปี และจะมีรัฐมนตรีที่รับผิดชอบด้านความมั่นคงของแต่ละประเทศสมาชิกอาเซียนเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนเข้าร่วมประชุม ซึ่งปีนี้ ประเทศมาเลเซียเป็นเจ้าภาพ ภายในงาน แต่ละประเทศได้นำเสนอผลการดำเนินงานในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ สำหรับประเทศไทยได้มีการผลักดันให้ที่ประชุมเห็นชอบให้ฐานความผิดด้านการลักลอบค้าสัตว์ป่าและลักลอบค้าไม้โดยผิดกฎหมายเข้าเป็นหนึ่งในฐานความผิดในกรอบความร่วมมือเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนด้านอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งประเทศไทยถือเป็นประเทศแรกในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาในกรอบเจรจาความร่วมมือ โดยมีอาเซียนเว็นเป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านข้อมูล การจัดประชุมและร่วมแก้ไขกฏหมายเกี่ยวกับความผิดด้านการค้าสัตว์ป่า

ทั้งนี้ ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ สุรนาทยุทธ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการบังคับใช้กฎหมายสัตว์ป่าและพันธุ์พืชแห่งภูมิภาคอาเซียน (ASEAN-WEN LEEO) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธวิธีการป้องกันปราบปรามการอาชญากรรมที่เกี่ยวกับสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และผู้ประสานงานด้าน ASEAN – Regional Stake Holders Law And Policy Workshops on Wildlife Crime ได้ให้ความเห็นว่า “นับเป็นความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งของอาเซียนกับการต่อสู้กับอาชญากรรมสิ่งแวดล้อม ซึ่งอาเซียนเว็นได้ผลักดันถึงความสำคัญของการปราบปรามอาชญากรรมสิ่งแวดล้อม และเสนอให้อาชญากรรมสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเป็นอีกหนึ่งในฐานอาชญากรรมข้ามชาติมาตลอด 4 ปี เพื่อเพิ่มช่องทางการประสานงานทั้งในระดับภูมิภาค นานาชาติ และพัฒนาโครงสร้างด้านงบประมาณ” พร้อมกล่าวเสนอแนะว่า “อย่างไรก็ดี ควรมีหน่วยปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนงานและทำให้การปฏิบัติงานสัมฤทธิ์ผลอย่างเป็นรูปธรรม”